เราออกกำลังกายครั้งสุดท้ายกันเมื่อไหร่?
ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เป็นที่รู้กันว่าแทบจะไม่มีเวลาได้พักหายใจกันเลย บางคนต้องตื่นมาตีสี่ตีห้า เพื่อไปรถติดบนถนน พอไปถึงที่ทำงานก็ต้องเตรียมรับมือกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะมาอารมณ์ไหนอีก พอตกเย็นก็ต้องรีบกลับบ้านเพราะกลัวรถติด แต่สุดท้ายก็ติดอยู่ดี หรือบางคนมีงานค้างต้องทำ OT ต่อ เรียกได้ว่าวันๆนึงแค่มีเวลาได้กินข้าว 3 มื้อกับมีเวลานอนก็เก่งแล้ว
เรายุ่งกันเหลือเกินนะครับ ยุ่งกันจนลืมเพื่อนสนิทของเราไปคนนึงนะเลย เพื่อนคนที่ทำให้คุณมีข้าวกิน เพื่อนที่ทำให้คุณได้งานดีๆ เพื่อนที่ทำให้คุณหาเงินเอาไปซื้อของได้ เพื่อนที่คอยช่วยให้คุณฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าคุณจะรวยหรือคุณจะจน เพื่อนที่ไม่มีวันจะทิ้งคุณไปไหน มีแต่คุณที่กำลังจะทิ้งเขา
เพื่อนคนที่ผมพูดถึงคือ ร่างกายของคุณเอง
คนในยุคปัจจุบันขยันขันแข็งกับการหาเงินจนลืมดูแลร่างกายของตัวเอง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอน ข้าวปลาก็กินไม่เป็นเวลา เอาสุขภาพไปแลกกับเงิน ซึ่งสุดท้ายแล้วคุณก็ต้องเอาเงินที่หาได้มาไปรักษาตัวเองตอนล้มป่วยเพราะร่างกายที่ทรุดโทรมโหมใช้งานมาอย่างหนัก
คุณคิดว่าร่างกายของคุณมีค่าแค่ไหนครับ มันมีค่าพอกับเงินเดือนที่เราเอาร่างกายของเรา เอาสุขภาพจิตไปแลกมารึเปล่า อย่าลืมนะครับว่า ถ้าเราเป็นอะไรไปเจ้านายเราก็แค่จ้างคนใหม่มาทำงานแทน แต่ถ้าร่างกายเราเป็นอะไรไป เราเปลี่ยนร่างกายใหม่ไม่ได้นะครับ
ผมไม่ได้บอกว่าการทำงานหนักหรือทุ่มเทกับการทำงานเป็นเรื่องไม่ดี แต่ดูด้วยว่าสิ่งที่ได้มากับสิ่งที่เสียไปคุ้มกันไหม โปรดหันกลับมาดูแลร่างกายของเราด้วย ร่างกายเราก็เหมือนรถยนต์ ถ้าเอาแต่ใช้โดยไม่ดูแลรักษา สักวันนึงมันก็ต้องพัง และร่างกายก็ไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนนะครับ
“มนุษย์เรานึ้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตรา เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ แล้วก็เฝ้าเป็นกังวลกับอนาคต จนไม่มีความรื่นรมย์กับปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอยู่กับอนาคต เขาดำเนินชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันตาย และแล้วเขาก็ตายอย่างไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง
องค์ดาไลลามะ