หลายคนคงเคยไปงานสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง หรือ เพิ่งอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองมาแล้วรู้สึกมีไฟ ได้แรงบันดาลใจ จนถึงกับต้องชูกำปั้นขึ้นมาแล้วบอกกับตัวเองว่า “เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ลากันทีกับชีวิตแบบเดิม”
แต่พอ 1 วันผ่านไป 1 สัปดาห์ผ่านไป 1 เดือนผ่านไป บางคนถึงกับ 1 ปีผ่านไป ไฟที่เคยลุกพรึบ มันหายไปไหนก็ไม่รู้ อย่าว่าแต่ถ่านเลย แค่เถ้ายังไม่เหลือ ชีวิตที่เคยวาดฝันไว้ว่ามันจะดีขึ้น ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ทำไม???
ทำไมเราถึงเป็นกันแบบนั้น เราก็เข้าสัมมนาแล้วนี่ แต่ทำไมไฟยังหมดไปอีก มันควรจะอยู่ในใจเราเสมอสิจริงไหม มันหายไปได้ไง หรือมีใครมาขโมยไป หรือเราพลาดอะไรไปรึเปล่า
ถ้าเราลองมาคิดดูแล้วเราจะเข้าใจว่าสิ่งที่เราพลาดไปนั่นก็คือ ความสม่ำเสมอ ครับ เพราะไฟแห่งบันดาลใจ ก็เหมือนกับไฟจริงๆที่เราใช้ทำอาหาร มันต้องการเชื้อเพลิงเพื่อให้มันลุกไหม้ สำหรับไปทำอาหาร เชื้อเพลิงก็คือ แก๊ส ไม้ฟืน แต่ไฟแห่งแรงบันดาลใจใช้อะไรเป็นเชื้อเพลิงล่ะ
คำตอบก็คือใช้สิ่งเดียวกับที่ทำให้เราได้แรงบันดาลใจนั่นแหละ การเข้าสัมมนา การอ่านหนังสือ การพบเจอกับคนที่มีไฟ การดู VDO เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ การได้พบเจอกับสิ่งเหล่านี้เสมอๆ จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีไฟตลอดเวลา เหมือนกับเราได้เติมเชื้อเพลิงให้กองไฟของเราเสมอๆ ไม่ให้มันมอด
อย่างผมเองทุกเช้าก็จะเปิด Facebook ขึ้นมาอ่านบทความของพี่ๆ นักสร้างแรงบันดาลใจที่ผมติดตามและพยายามจะอ่านหนังสือให้ได้สัปดาห์ละ 2 เล่ม เพื่อไม่ให้ไฟของผมดับไปเหมือนกัน
สุดท้ายสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่ากว่าการเติมไฟก็คือ การลงมือทำ เพราะต่อให้มีไฟแค่ไหน ถ้าไม่ Take Action หรือเริ่มลงมือทำ ยังไงชีวิตเราก็ยังเป็นเหมือนเดิมครับ เริ่มจากวันละเล็กวันละน้อยก่อนก็ได้แล้วค่อยๆพัฒนากันไป เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นครับ
“วิธีจัดการกับ ความฝัน คือการทำมันให้เป็นจริง”
วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์