-
“สุขอยู่ที่ใด . . .”
เราได้ยินเพลงนี้บ่อย ๆ ทั้งจากทีวี และจากโฆษณา แต่เคยถามตัวเราเองมั้ยว่า ความสุขของเราอยู่ที่ใด ในทางพุทธศาสนา อาจจะบอกว่าความสุขอยู่ที่ใจ แล้วคนธรรมดาๆแบบเราที่นานๆจะเข้าวัดสักทีจะไปหาความสุขจากที่ไหนล่ะ…
ถ้าไปวัดไม่บ่อยก็หาเอาจากชีวิตประจำวันนี่แหละ เราลองมานึกๆกันดูมั้ยครับ ว่าวันๆนึงเราเจออะไรกันบ้าง
ตื่นเช้าขึ้นมาขณะที่หัวสมองกำลังปลอดโปร่ง เราก็มารับข่าวสารอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ไม่ว่าจะเป็นข่าวฆาตกรรม ข่าวเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หรือข่าวสะเทือนขวัญอีกมากมายที่เกิดขึ้นไม่เว้นวัน
ต่อจากนั้นเราก็มาที่ทำงานมาจับกลุ่มนินทาเรื่องเสียๆหายๆ ของเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ที่เราช่างมีความมุมานะพยายามสรรหามาคุยกันได้ทุกวัน
หลังจากกลับมาถึงบ้านอันแสนสุขของเรา ก่อนจะเข้านอนก็ปิดท้ายเบาๆด้วยละครหลังข่าวที่วันๆเอาแต่ตบตีแย่งพระเอกกัน ช่างมีความสุขเสียนี่กระไร
สุดท้ายแล้วเราก็กลับมาถามตัวเองว่า “เมื่อไหร่เราจะมีความสุข”
ย้อนกลับไปดูแต่ละอย่างที่เราเจอในแต่ละวันแล้ว อืม… ทุกข์รำไรเลยทีเดียว งั้นเรามาลองหาความสุขใส่ตัวกันบ้างมั้ยครับ อาจจะง่ายๆอย่างหาหนังสือดีๆสักเล่มมานั่งอ่าน หรือหาหนังที่ให้แรงบันดาลใจสักเรื่องเอามานั่งดูแทนละคร มีวิธีมากมายครับที่จะทำให้เรามีความสุขได้ หรือวิธีที่ได้ผลที่สุดคือ การเป็นคนมองโลกในแง่ดี
ห่ะ!!! อยู่ๆจะให้กลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี บ้าไปแล้วใครจะไปทำได้…. แต่มันทำได้จริงๆนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าให้คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีได้ในวันสองวัน เรื่องแบบนี้มันใช้การฝึกฝนครับ ลองสิครับ สื่งนี้มันคุ้มค่ากับการฝึกฝนจริงๆ ถ้าคุณได้ทักษะนี้มาชีวิตของคุณจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ
“You are. What you eat.” เรากินอะไรเราก็จะเป็นแบบนั้น ถ้าเรากินผักผลไม้ กินเนื้ออย่างพอดี เราก็จะมีร่างกายที่สุขภาพดี แข็งแรง เช่นกันครับ ถ้าเรากินแต่ของดีๆ เรื่องดีๆ ชีวิตเราก็จะมีแต่เรื่องดีๆ มีแต่ความสุข
สุดท้าย อย่ามองหาแต่ข้อดีจนลืมความจริงนะครับ เพราะความจริงสำคัญที่สุด