หลายๆคนสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี มันดูงงๆไปหมด มีทั้งเส้นกราฟ ราคาก็ขึ้นๆลงๆ เห็นแต่ตัวเลขในกระดานกับตัวอักษรไม่กี่ตัววิ่งไปวิ่งมา แค่เห็นก็ยอมแล้ว ไม่เอา ให้เป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญไปดีกว่า
แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญก็เคยไม่รู้เรื่องมาก่อน ดังนั้นเราเองก็ไม่รู้เรื่องมาก่อนเหมือนกัน ทำไมจะเรียนรู้ไม่ได้ ผมขอให้ท่องเอาไว้ในใจเลยว่า “กูไม่เก่ง แต่กูเรียนรู้ได้” ถ้าไม่หยุดเรียนรู้สักวันเราก็ต้องเก่งจนได้ และอีกอย่างคือ ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าน่ะ ก็ไม่ได้ผลตอบแทนมากไปกว่าเราเท่าไหร่หรอก
จริงๆแล้ว หุ้นไม่ใช่เรื่องยากแต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างหากที่ทำให้มันดูยาก เพื่อให้เขามีงานทำ(อันนี้ผมคิดเองไม่ต้องเชื่อก็ได้นะ) ถ้าเราคิดว่าหุ้นคือตัวอังษรไม่กี่ตัวในกระดานล่ะก็แม่งโครตยากเลย เพราะราคามันก็ขยับขึ้นขยับลงไม่หยุด ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้เลย แต่ถ้าคิดว่า “หุ้นคือบริษัท” จะสามารถคาดการณ์แนวโน้มของรายได้และกำไรของบริษัทนั้นได้
หุ้นคือบริษัท
หุ้นคือบริษัท จำคำนี้เอาไว้ในแม่นเลยครับ มาดูตัวอย่างกัน
สมมติหุ้น APPLE ถ้าดูแต่ราคาหุ้นเราก็จะไม่รู้ว่าราคาจะขึ้นหรือลง แต่ถ้าคิดถึง Iphone ,Ipad ที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวัน เราก็สามารถคาดการณ์แนวโน้มของกำไรได้ ขนาด Iphone 6s ออกมาแพงกว่า Iphone 6 ตั้งหลายพัน คนยังซื้อเลย คาดการณ์กำไรกันได้ไหมล่ะ
สมมติหุ้น CPN หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าห้างเซ็นทรัลล่ะครับ รู้จักกันหรือยัง เราจะคาดการณ์กำไร คาดการณ์การเติบโตได้ เพราะเราก็เห็นคนไปเดินเซ็นทรัลทุกวัน คนก็ยังเยอะเหมือนเดิมทุกวัน แถมยังขยายสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มเรื่อยๆ เราก็สามารถคาดการณ์การเติบโตของหุ้น CPN ได้
จะเห็นว่าถ้าเรามองว่าหุ้นคือบริษัท เราซื้อหุ้นคือการซื้อส่วนหนึ่งของกิจการนั้นๆ และมีส่วนแบ่งในกำไรของบริษัท เมื่อบริษัทมีกำไรมากขึ้น ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้น เงินปันผลก็เพิ่มขึ้น แค่เปลี่ยนวิธีคิดหน่อยเราก็จะเข้าใจมันมากขึ้นเอง เรื่องหุ้นไม่ได้ยาก แต่มันก็ไม่ง่ายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นทุกคนที่ลงทุนในหุ้นก็รวยกันหมดแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นอีกหลายอย่างที่ต้องศึกษา แต่จำเอาไว้ว่า
“กูไม่เก่ง แต่กูเรียนรู้ได้”
การลงทุนมีความเสี่ยง เราควรศึกษาหาข้อมูลอย่างดี ไม่ควรเชื่อทุกสิ่งที่ใครบอก เพราะ ขาดทุนก็เงินเรา กำไรก็เงินเรา ไม่มีใครมารับผิดชอบหากซื้อตามที่มีคนบอกมาแล้วเราขาดทุน