เมื่อวันก่อนขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าสถานี BTS ผมเห็นป้าคนนึงแกหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง เมื่อผมเดินผ่านไปใกล้ๆ ป้าแกก็ทักผมขึ้นมาว่า
“พ่อหนุ่มๆ ป้าจะไปที่โรงเรียนนี้ มันอยู่ทางไหนเหรอแล้วไปยังไง” ป้าถามผม ผมรู้จักโรงเรียนที่ป้ากำลังหาดีเพราะโรงเรียนนั่นอยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานของผมเอง ผมจึงบอกทางป้าไป
“ป้าเดินไปตามซอยนี้นะครับ เลี้ยวซ้ายทีนึง เลี้ยวขวาทีนึง แต่ทางมันก็ไกลพอสมควร นั่งมอเตอร์ไซด์เข้าไปจะสะดวกกว่านะครับ” เมื่อได้คำตอบ ป้าเขาก็ขอบคุณผมแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ผมเองก็ยิ้มด้วยเพราะผมได้ช่วยคนหลงทางให้ไปหาจุดหมายที่เขาต้องการ
ผู้อ่านคงสงสัยว่าผมมาเล่าเรื่องนี้ทำไม คือผมมาลองๆคิดดู ว่าถ้าเกิดเป็นเราเองที่หลงทางล่ะ เราคงกังวลไม่น้อยเพราะไม่รู้จะไปทางไหนดี ไม่แน่ใจไปเสียทุกอย่าง กลัวจะไปผิดทาง กลัวจะเสียเวลา กลัวจะไปไม่ถึง นี่ขนาดเป็นแค่การหลงทางเรายังกังวลขนาดนี้ ถ้าเราหลงทางชีวิตเราไม่เครียดตายเลยเหรอ
ในการหลงทางสายชีวิต เราไม่รู้จะไปทางไหนดี เรารู้แค่จุดหมายที่เราอยากจะไป(เผลอๆ บางคนยังไม่รู้เลย) เราอยากมีความสุข เราอยากมีเงิน เราอยากมีเวลา แต่เราไม่รู้ว่าเราต้องเดินไปทางไหนนี่เพื่อให้พบกับจุดหมาย จะให้ค่อยๆเดินสำรวจไปบางทีก็อาจจะไม่ทัน แก่ตายก่อนพอดี และเพราะว่าเราไม่รู้ทางเราจึงจำเป็นต้องมี คนนำทาง
เราอยากมีความสุขในชีวิตเราก็ไปถามจากคนที่มีความสุขในชีวิตว่าเขาทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ เราอยากมีเงินทองเราก็ไปถามจากคนที่มีเงินทองว่าเขาทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ เราอยากมีเวลาเราก็ไปถามคนที่มีเวลา
คนนำทางเหล่านี้หาไม่ยากครับ เราเห็นได้ทั่วๆไป เช่นตามร้านหนังสือ คอร์สสัมมนา Youtube Facebook ยังมีเลย แต่เขาอาจจะไม่ได้ชื่อคนนำทาง เขาอาจจะชื่อ นักสร้างแรงบันดาลใจ นักพูด วิทยากร นักเขียน กูรู และอื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้นเมื่อเรารู้แต่เป้าหมายอย่าเอาแต่เดินดุ่มๆไปไม่รู้เหนือรู้ใต้ มันเสียเวลาครับ มีคนที่เขาเคยไปมาแล้ว เคยหลงทางมาแล้ว เคยผิดพลาดมาแล้ว และเขาก็พร้อมจะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของพวกเขาให้กับเรา สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเดินทางไปถึงเป้าหมายได้ไวขึ้นและไม่เหนื่อยมาก