[รีวิวหนังสือ]DARE FOR SUCCESS

           เนื่องจากในปีนี้ 1 ในเป้าหมายของผมคือการอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 เล่ม ผมจึงพยายามจะหาหนังสือมาอ่านให้ได้ตามจำนวน ซึ่งในสัปดาห์นี้ผมได้อ่านหนังสือ DARE FOR SUCCESS กล้าประสบความสำเร็จ ของคุณวันชัย ประชาเรืองวิทย์
          เนื้อหาภายในเล่มจะแบ่งเป็นบทๆ โดยแต่ละบทจะมี 3 – 4 หน้า ไม่ยาวนัก เหมาะสำหรับอ่านในขณะเดินทางที่จะได้ไม่ต้องอ่านยาวๆทีเดียว ในเล่มจะเป็นเรื่องของการคิดเพื่อความสำเร็จ ผมจึงขอสรุปมาดังนี้
          1. เลิกแก้ตัว
          ถ้าหากถามว่าทำไมเราถึงไม่เป็นคนที่เราอยากจะเป็น เราก็มักจะได้ยินคำตอบของตัวเองเสมอ เช่น
          ผมเด็กเกินไป
           ผมแก่เกินไป
          ผมเรียนมาน้อย
          ผมไม่มีทุน
          ผมไม่มีเวลา
           ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบ แต่มันคือข้อแก้ตัวที่ทำให้เราสบายใจเวลาเราเริ่มคิดจะประสบความสำเร็จ แต่ไม่กล้าทำ เรากลัวที่จะประสบความสำเร็จ เรากลัวที่จะบอกกับตัวเองว่า “ผมกลัวที่จะประสบความสำเร็จครับ” เราจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาอ้าง เพื่อให้เราเองสบายใจ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นแต่อย่างใด
          2. เริ่มต้นใหม่
          นอกจากความกลัวแล้วยังมีการเริ่มต้นใหม่อีกที่ทำให้เราลำบากใจในการทำสิ่งใหม่ๆ เพราะเรามักคิดไปก่อนแล้วว่าการเริ่มต้นใหม่มันยากแน่เลย เราจะทำได้ไหม ถ้าเริ่มแล้วพังล่ะจะเป็นยังไง แบบนั้นไม่ทำซะตั้งแต่แรกเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อย สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำอะไรให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ถ้าเราเริ่มทำแม้มันจะไม่สำเร็จแต่เราก็ได้ประสบการณ์ และอีกอย่างถึงทำไมสำเร็จเราก็แค่กลับมาอยู่ที่เดิม ไม่ต่างจากตอนแรก แต่ถ้าสำเร็จชีวิตเราจะเปลี่ยนไป แล้วทำไมเราไม่ควรจะเริ่มต้นใหม่ล่ะครับ
           3. มันอยู่ที่ใจเท่านั้น
           เมื่อเราเริ่มต้นแล้ว ระหว่างทางก็จะมีทั้งความสำเร็จและอุปสรรคให้เราก้าวข้ามไป แน่นอนบางครั้งเราอาจจะล้มเหลว ต้องลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ซึ่งแรงผลักที่ทำให้เราลุกขึ้นสู้ก็คือใจของเราเอง ผมขอยกตัวอย่างมาสักคนแล้วกัน
           ชายคนหนึ่งล้มเหลวในธุรกิจตั้งแต่อายุ 24 สอบตกในการสอบแข่งขันเข้าเรียนวิชากฏหมายเมื่ออายุ 22 คนรักตายจากไปตอนอายุ 26 สอบตกการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเมื่ออายุ 34 สอบตกการเป็นวุฒิสมาชิกเมื่ออายุ 45 สอบตกในการพยายามเป็นรองประธานาธิปดีเมื่ออายุ 47 และสอบจกการเป็นวุฒิสมาชิกสภาอีกครั้งเมื่ออายุ 49 แต่….เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 52 เขาคือ อับราฮัม ลินคอร์น
           เราคงเคยเห็นหลายๆคนที่ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดแต่เขาคือคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ สุดท้ายเขาก็ได้รางวัลแห่งความเพียรพยายามที่ยิ่งใหญ่
          4. เขียนเป้าหมายต่างๆออกมา
          ข้อนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการเขียนเป้าหมายนั้นคือการสะกดจิตตัวเอง เพื่อตอกย้ำในสิ่งที่เราต้องการ การที่เราแค่นึกถึงมัน สมองเราจะไม่ค่อยตื่นตัวเท่าไหร่ แต่พอเราเขียนเป้าหมายออกมาแล้ว สมองจะทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาทุกวิถีทางเพื่อให้เราไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อาจจะเริ่มง่ายๆด้วยการเขียนเป้าหมายในปีนี้ของเราออกมา ว่าเราอยากจะได้อะไร อยากเป็นอะไร อยากไปที่ไหน อยากทำอะไร เขียนไว้ในกระดาษและเอาไปติดที่ๆมองเห็นได้ง่าย ดูมันทุกวันและคิดทุกวันว่าเราจะได้มาอย่างไร แล้วคุณจะพบว่าการเขียนเป้าหมายมันดีอย่างไร
          5. ใส่ขยะเข้าไป ก็ได้ขยะออกมา
          คนเราก็เหมือนกับเครื่องจักรครับ ใส่อะไรเข้าไปก็ได้สิ่งนั้นออกมา INPUT = OUTPUT ตัวอย่างเช่น
           คิดลบ ได้ชีวิตติดลบ
          คิดบวก ชีวิตก็เป็นบวก
          เราเป็นอย่างที่เราคิด
          เราเป็นอย่างที่เราเชื่อ
          เราเป็นอย่างที่เรากิน(เป็นตัวอย่างที่ดี)
           ซึ่งถ้าเราอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ไปในทางที่ดี เราก็ต้องเปลี่ยน INPUT ให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา เช่น การอ่านหนังสือ การฝึกตัวเองใหม่ การคุยกับคนดีๆ หลีกหนีสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราติดลบ เช่น การนินทา การมองโลกในแง่ร้าย เมื่อ INPUT ของเราเปลี่ยน OUTPUT หรือชีวิตของเราเองก็จะเปลี่ยนตาม
           6. อ่านหนังสือให้รวย
           มีคำกล่าวที่ว่า “ในอีก 5 ปีข้างหน้า คุณจะยังเหมือนเดิม ยกเว้นแต่ว่าคุณจะทำสองสิ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือหนังสือที่คุณอ่านกับคนที่คุณคบ” ทั้งหนังสือที่เราอ่านและคนที่เราคบนั้นก็คือ INPUT ของชีวิตเรานั้นเอง ถ้าเราอ่านหนังสือแบบไหนเราก็จะมีชีวิตแบบนั้น ลองคิดดูว่าเราอ่านประวัติชีวิตของเศรษฐีสักคนสิครับ ชีวิตของเขาอาจจะยาวนานกว่า 50 ปี แต่เราอ่านจบกันในไม่กี่ชั่วโมง แต่เราได้ความรู้และวิธีคิดของเขามานับไม่ถ้วน ประหยัดเวลาลองผิดลองถูกของเราไปได้ตั้งหลายปี ดังนั้นถ้าเราเลือกหนังสือที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ เราก็อาจจะได้คำตอบที่เราตามหาอยู่ก็ได้ อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้ไอเดียสามารถขายเป็นเงินได้อย่างง่ายดาย
           จาก 6 ข้อที่ผมนำมานี้เป็นแค่บางส่วนจากในหนังสือเท่านั้น ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายหลายบทที่ผมไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเขียน ถ้าท่านผู้อ่านสนใจก็ลองหาซื้อมาอ่านกันได้